Cotton เป็นเส้นใยธรรมชาติ 100% ผลิตจากฝ้ายสวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม เนื้อผ้าจะมีลักษณะด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย เมื่อซักบ่อยๆ ก็จะย้วย
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. สวมใส่สบาย ระบายอากาศดีมาก | 1. ผ้าต้องหดตัวเมื่อผ่านการซักครั้งแรก |
2. ผ้านุ่มเนียนสวย | 2. ราคาสูงกว่าผ้า TC และ TK |
3. การดูดซับน้ำดี | 3. ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพผ้าและร้านขาย |
ประเภทเส้นใย Cotton จะแบ่งตามลักษณะได้ดังนี้
1.1 Cotton OE เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด ลักษณะของผ้าจะมีความกระด้างมากกว่าผ้า Cotton ชนิดอื่นๆ
1.2 Cotton Semi เป็นผ้า Cotton เกรดปานกลาง ผ้าจะมีความเนียน ณ ระดับหนึ่ง ไม่กระด้าง ราคาไม่สูง และ คุณภาพค่อนข้างใช้ได้
1.3 Cotton Comb เป็นผ้า Cotton เกรดดีที่สุด ลักษณะผ้าจะมีความเนียนและเงามาก ราคาสูงมากกว่าCottonเกรดอื่น
ขนาดเส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า Cotton มีดังนี้
1.1 Cotton No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ผ้าที่ทอได้จึงหนาพอสมควร
1.2 Cotton No.32 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็ก ผ้าที่ทอได้จะเนียนและบาง
1.3 Cotton No.40 เส้นด้ายมีขนาดเล็กที่สุด ผ้าที่ทอจึงเนียนมาก และบางมาก จึงต้องทอเป็นเส้นคู่ และราคาจะค่อนข้างสูง
ขนาดเส้นด้าย มีผลอย่างไรในการผลิตเสื้อยืด และ โปโล
ขนาดเส้นด้ายทั่วไป ในท้องตลาด มีให้เลือกอยู่มาก แต่ส่วนใหญ่ที่ใช้การผลิตจะแบ่งเป็นเบอร์
20, 32, 34, 34/2, 40, 40/2, 45, 45/2 ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน ตัวเลขที่กล่าวมาจากข้างต้น
บอกอะไรกับเราได้บ้าง และจะทราบได้อย่างไรว่าจะใช้ด้าย เบอร์อะไรให้เหมาะสม ตอบเลยครับ ลองทำ
ตามอย่างนี้คือ เบอร์น้อยด้ายใหญ่ เบอร์มาก ด้ายเล็กและละเอียด ยกตัวอย่างเบอร์ 20 เปรียบเหมือน
เหล็กข้ออ้อย เวลาเอามาสานกันมันแข็งแรงทนทานเท่าเบอร์ 45 เปรียบเหมือนลวดเวลาเอามาสานกันมัน
ละเอียดนุ่มกว่ามาก ทีนี้ลองดูครับว่าคุณต้องการแบบไหน
เกรดของเส้นด้าย สำคัญอย่างไร
มีตามท้องตลาดประมาณ 3-4 เกรดครับคือ OE, SEMI, SEMICOMP, COMP แล้วมันคืออะไร
ตอบตามพี่ครับ เปรียบเทียบการกลั่นน้ำมันปิโตรเลี่ยมได้ดีสุดคือ อ๊อกเทน 95 มันก็คือ COMP ครับ
รองลงมา อ๊อกเทน 91 มันก็คือ Semi comp รองมาอีก ดีเซล มันก็คือ Semi และท้ายสุดน้ำมันเตา
ก็คือ OE ครับ แต่ราคาก็ตามค่าอ๊อกเทนครับ……อยู่ที่เลือก
คือผ้าเนื้อผสม Poly โดยเนื้อผ้าของทางร้านมีอัตราส่วนการผสมอยู่ที่ poly 80% cotton 20% (Update:17/12/2557) เป็นผ้าที่ นิ่ม ไม่หด ใส่สบายแต่ไม่เท่าผ้า cotton 100% เพราะมีส่วนผสมของ polyester ทำให้ระบายร้อนได้ยาก และเนื้อผ้าไม่หดแน่นอน ผ้าชนิดนี้นิยมมาทำงานเสื้อผ้าแฟชั่น จำพวกงาน Heat Transfer โดยผ้า TC เมื่อทำการ Heat Transfer ออกมาจะได้สีออกแนววินเทจ (ดูได้จากตัวอย่างงาน Heat Transfer ด้านบน) เพราะงาน Heat Transfer สีจะติดบนเนื้อผ้าได้ดีเมื่อมี poly สูง
คือผ้า Poly 100% เนื้อผ้านิ่ม ค่อนข้างเด้ง ทิ้งตัว ไม่หด สีไม่ตก แต่ระบายอากาศไม่ดี (ผ้า tc ระบายอากาศดีกว่า) และด้วยความที่ผ้าทิ้งตัว ทำให้นิยมนำมาทำเสื้อผ้าแฟชั่นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเสื้อผ้าผู้หญิง ผ้า TK นำมา Heat Transfer ได้ดีมาก เพราะเป็นมีเนื้อ poly100% ทำให้สียึดเกาะกับเนื้อผ้าได้ดี งานที่ได้สีจะสดสวยเหมือนรูปจริง (ดูได้จากตัวอย่างงาน Heat Transfer ด้านบน)
เนื่องจากตัวเนื้อผ้า TK เป็นเนื้อผ้าที่ค่อนข้างบาง ถึงบางมาก และส่วนมากจะผลิตจากผ้า TK34 (เบอร์ 34) ทำให้เนื้อยิ่งบางมากขึ้น แต่ทางร้านทำการคัดเลือกผ้า TK ทำให้เราได้เนื้อที่หนาอยู่ประมาณนึง แต่ลูกค้าหลายท่านยังมีความต้องการให้หนากว่านี้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ผลิตผ้าเองจึงไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้
ปัจจุบันทางร้านควบคุมคุณภาพผ้า TK เองกับโรงทอโดยตรง และปรับเนื้อผ้าให้มีความหนาขึ้นมากกว่าท้องตลาดทั่วไป เนื่องจากเราใช้เนื้อผ้า TK30 เส้นด้ายมีความหนา และควบคุมการทอให้มีการทอที่แน่นขึ้น ทำให้ผ้า TK รุ่นใหม่ของเรา (ผลิตเสื้อลอตแรกออกมาจำหน่ายวันที่ 15/12/2557) มีความหนามากกว่าท้องตลาดทั่วไป
ด้วยความที่ผ้าทั้งสองชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกันค่อนข้างสูง แต่ราคาผ้าต่างกันค่อนข้างมาก โดยผ้า TK จะถูกกว่า TC
วิธีการตรวจสอบที่ดีที่สุดคือ นำไฟแชคมาเผาปลายผ้า ถ้าเป็น TK จะเกิดควันเยอะ และเมื่อเผาแล้วจะม้วนย้วยๆเหมือนพลาสติกถูกเผา(ผ้า TK มี poly100%) ส่วน tc จะเกิดควันและม้วนน้อยกว่า
หรือวิธีสังเกตุด้วยตาเปล่า TK ส่วนมากผ้าจะบางกว่า TC (ถ้าเป็นผ้าสีขาว) และเห็นลายทอผ้าชัดเจน
คุณสมบัติและลักษณะของเนื้อผ้า ที่นำตัดเสื้อโปโลและเสื้อยืด
เนื้อผ้าสำหรับนำมาตัดเสื้อโปโล และเสื้อยืดที่นิยมใช้ มี4 ชนิดคือ
ผ้าTK : ราคาถูก รีดง่าย ยับยาก ไม่หด ไม่ยืด
ผ้าTK เสื้อที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด คุณสมบัติพิเศษของผ้าTK คือมีความคงสภาพอยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย เนื้อผ้าจะมีความมัน เนื้อผ้าใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ เนื้อผ้าTK มีส่วนผสมของ Polyester 100% เส้นใยผ้า มีลักษณะผิวผ้าเป็นเงา และค่อนข้างหนา ความยืดหยุ่นน้อย การระบายอากาศน้อย เป็นมันเงา ไม่ค่อย ซับเหงื่อ รีดง่าย ยับยาก ไม่หด ไม่ยืด ใช้งานไประยะหนึ่งจะเกิดการขึ้นขนเป็นเม็ดก้อน ปัจจุบันเนื้อผ้าชนิดนี้ ยังมีการผลิตแบบ เป็นแบบเนื้อเรียบ และเนื้อไม่เรียบ โดยทั่วไปแล้ว จะมีกรรมวิธีการทอเป็นแบบเนื้อ 20 และ 34 เส้นคู่
ข้อดี : ของเนื้อผ้าTK ชนิดนี้ คือ ราคาค่อนข้างถูก
ข้อเสีย : คือใช้ไปนาน ๆ จะมีลักษณะเป็นขน และสีหมองคล้ำ เนื้อผ้าจะระบายอากาศได้น้อยมาก ถ้าใส่อยู่ในที่แดดร้อน ๆ หรืออากาศอบอ้าว จะรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าดูดซับเหงื่อได้น้อย และเมื่อใส่ไปนาน ๆ (ซักบ่อย ๆ) เสื้อผ้าจะขึ้นขุย
ผ้า TC : มีความทนทานและง่ายต่อการรีดเรียบ
ผ้าTC อีกหนึ่งความคิดสร้างผลงาน แห่งวงการเสื้อผ้า เกิดขึ้นในสภาวะที่ฝ้ายมีความขาดแคลน และราคาแพง จึงมีการคิดค้น ผ้าTC เพื่อตอบรับกับสถานการขณะนั้นจนได้รับความนิยมเรื่อยมา ในวงการ เสื้อยืด เสื้อโปโล ผ้าTC ถือว่ามีบทบาทมาก ในการผลิต ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า แต่คงความสวมใส่ที่สบาย ง่ายต่อการรีด มีความคงรูป ไม่ยับง่าย เนื้อผ้าเกิดจากผสมเส้นใย Polyester ในสัดส่วน 65% -70% และ cotton100% ในสัดส่วน 35%-30% คือ นิยามหลักของ ผ้าTC ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการซับน้ำได้น้อยกว่า ผ้าCVC แต่ดีกว่าผ้าTK ลักษณะทางกายภาพจะเห็นมองเห็นเป็นเส้นใยฟูเมื่อใช้ไปนานอาจเกิด เป็นขุยได้ หากเวลาซักมีการเสียดสีหรือปั่น เนื้อผ้านุ่มเนื่องจากผ้า TC มีคุณสมบัติในการระบายความร้อนไม่ดีนัก การผลิตมักใช้เทคนิคการถักทอมาช่วย แบบลาครอส หรือ แบบจูติ เพื่อระบายความร้อน แต่จะไม่นิยมถักทอแบบแน่นเป็นเสื้อยืด เนื่องจากจะร้อนมากในประเทศโซนเอเซียนเช่น ประเทศไทย เนื้อผ้ามีความเงางาม แต่จะเงางามน้อยกว่า ผ้าTK
ข้อดี : สวมใ่ส่สบาย ระบายอากาศได้ดีพอใช้ การดูดซับเหงื่อดีพอใช้
ข้อเสีย : ผ้ามีการย้วยบ้างเมื่อผ่่านการซัก เนื้อผ้าจะไม่สวยเท่าเนื้อผ้าCVC
ผ้าCVC : สัมผัสที่สบายในการสวมใส่
ผ้าCVC เป็นผ้าที่นำเอาการผสมผสานของเส้นใยธรรมชาติกับใยสังเคราะห์มาผสมกันตามสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีของจากเส้นใยทั้งสองแบบออกมาเป็น ผ้าCVC ผ้าเกิดจากเส้นด้ายที่ถักทอและเส้นด้ายเกิดจากเส้นใยซึ่งคุณสมบัติของผ้าจะขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นใยที่นำมาผลิตนั้นเองโดยอาจเพิ่มคุณสมบัติพิเศษโดยวิธีการถักทอเป็นรูปแบบต่างๆ ให้สวยงามและมีการระบายอากาศที่ดี ผ้าCVC เกิดจาการนำเอาเส้นด้ายผสม ในสัดส่วน Cotton70-80%+Poly20%-30% ซึ่งทำให้ ผ้า CVC มีความยืดหยุ่นสูง ซับน้ำได้ดีมาก เนื้อผ้าแน่น เนื้อผ้านุ่ม เนื้อผ้า แน่น นุ่ม ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อ และข้อดีของการนำ Poly20%-30% ทำให้ไม่มี ปัญหาเรื่องผ้าหดตัว
ผ้า CVC เป็นผ้าที่มี สัมผัสที่สบายในการสวมใส่ และได้รับความนิยมมาก มาก แต่ผู้ผลิตบางราย อาจมีการลดสัดส่วนของ cotton ลง ก็ขึ้นอยู่กับสถานการฝ้ายว่ามีราคาแพงเพียงใด และในบางครั้ง เราสามารถ เพิ่มคุณสมบัติพิเศษยิ่งขึ้น โดยการออกแบบ ลักษณะการถักทอ เช่น การถักแบบลาครอส ถักเส้นด้ายเป็นรูป ข้าวหลามตัด ในขณะที่ แบบ จูติ คือ การทอเส้นด้ายให้เป็นแบบรังผึ้ง ด้วยนาโนเทคโนโลยี สามารถทำให้เรา เพิ่มคุณสมบัติต่างที่ผ้าธรรมดาไม่สามารถ คือ ผ้ากันยุง ผ้ากัน ยูวี เป็นต้น ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ผ้า CVC คือ มหัศจรรย์แห่งวงการ สิ่งทอ
ผ้าcotton100 : สัมผัสที่นุ่มสบาย สำหรับผิวกายของคุณ
cotton 100 มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ เนื้อผ้า นุ่ม เนียน สัมผัสละเอียด ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ 100% ระบายความร้อนได้ดี ซับน้ำเยี่ยม ผ้าcotton100 เหมาะในการสวมใส่แบบสบายสบาย cotton 100 ซึ่งผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ 100% นำมาถักทอแบบ เสื้อยืด คือ การทักถอแบบแน่นติดกัน ได้เนื้อผ้าที่เนียนนุ่ม นิยมทำเป็นเสื้อยืด เสื้อโฆษณา เสื้อพรีเมี่ยมแจกลูกค้า หรือ ปัจจุบัน มีความนิยมในการนำมาทำเป็น เสื้อคู่รัก เสื้อของครอบครัว เนื่องจาก cotton 100 มีความนิยมสูงและเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานแล้ว เมื่อจำนวนการผลิตสูง สามารถนำออกสู่ตลาดได้ในราคาที่ต่ำ สามารถซื้อหาได้ทั่วไป และสามารถเพิ่มคุณค่าได้โดยการสกรีนลาย หรือ ปักตราสัญญาลักษณ์ ต่างๆ ลงในเนื้อผ้าเพื่อใช้ เป็น ยูนิฟอร์ม หรือ เครื่องแบบได้
ผ้า TK เนื้อผ้าใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ เนื้อผ้ายืด TK มีส่วนผสมของ Polyester 100% เส้นใยผ้า มีลักษณะผิวผ้าเป็นเงา และค่อนข้างหนา ปัจจุบันเนื้อผ้าชนิดนี้ ยังมีการผลิตแบบ เป็นแบบเนื้อเรียบ และเนื้อไม่เรียบ โดยทั่วไปแล้ว จะมีกรรมวิธีการทอเป็นแบบเนื้อ 20 และ 34 เส้นคู่
ข้อดีของเนื้อผ้า TK ชนิดนี้ คือ ราคาค่อนข้างถูก ส่วนข้อเสียคือใช้ไปนาน ๆ จะมีลักษณะ เป็นขน และสีหมองคล้ำ เสื้อยืดที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด งผ้า TK คือมีความคงสภาพอยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย เนื้อผ้าจะมีความมัน แต่ข้อเสียคือเนื้อผ้าจะระบายอากาศได้น้อยมาก ถ้าใส่อยู่ในที่แดดร้อน ๆ หรืออากาศอบอ้าว จะรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าดูดซับเหงื่อได้น้อย และเมื่อใส่ไปนาน ๆ (ซักบ่อย ๆ) เสื้อผ้าจะขึ้นขุย
เส้นใยสังเคราะห์ของผ้า TK ความยืดหยุ่นน้อย การระบายอากาศน้อย เป็นมันเงา ไม่ค่อย ซับเหงื่อ รีดง่าย ยับยาก ไม่หด ไม่ยืด ใช้งานไประยะหนึ่งจะเกิดการขึ้นขนเป็นเม็ดก้อนจึงเหมาะสำหรับทำ เสื้อpolo
ชนิดเนื้อผ้าทำเสื้อยืด ผ้าฝ้ายผสมกับผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/C หรือ TC เป็นผ้าที่มีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ และนำเนื้อฝ้ายเข้ามาผสมรวมด้วย ผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/K หรือ TK เป็นผ้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นใยสังเคราะห์ เนื้อผ้าจะมีลักษณะมัน ความเหมาะสมในการเลือกใช้
ผ้าทอประกอบด้วยด้ายและเส้นใย [1] ผ้าทอ (woven fabrics) เป็นผ้าที่เกิดจากกระบวนการทอโดยใช้เครื่องทอ (weaving loom) โดยมีเส้นยืน (warp yarn) และเส้นพุ่ง (filling or weft yarn) ที่ทอขัดในแนวตั้งฉากกัน และจุดที่เส้นทั้งสองสอดประสานกัน (interlacing) จะเป็นจุดที่เส้นด้ายเปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหนึ่งของผ้าไปด้านตรงข้าม การทอในปัจจุบันมีการพัฒนา จากการทอด้วยมือ (hand looms) ไปเป็นการใช้เครื่องจักรในการทอ โดยใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ แตกต่างกัน เช่น Air-jet loom, Rapier loom, Water-jet loom, Projectile loom, Double-width loom, Multiple-shed loom, Circular loom, Triaxial loom ผ้าถัก (knitted fabrics) เป็นผ้าที่เกิดจากการใช้เข็ม (needles) ถักเพื่อให้เกิดเป็นห่วงของด้ายที่มีการสอดขัดกัน (interlocking loops) โดยจะมีเส้นที่อยู่แนวตั้ง (Wales) และเส้นที่อยู่ในแนวนอน (courses)
เป็นผ้าที่เกิดจากกระบวนการผลิตอื่นที่นอกเหนือไป จากการถักและทอ เช่นการขึ้นรูปเป็นแผ่นฟิล์มทั้งจากสารละลายและจากการฉีดพลาสติกหลอม การขึ้นรูปเป็นโฟม และการขึ้นรูปเป็นผ้าจากเส้นใยโดยตรง เรียกว่า ผ้าไม่ถักไม่ทอ (nonwovens)
|
หน้าที่เข้าชม | 71,513 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 39,830 ครั้ง |
เปิดร้าน | 13 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |